เว็บแรงด้วยคีย์เวิร์ดดี
การเขียนบทความ หรือ เนื้อหาลงเว็บนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องไม่ซ้ำกับของคนอื่น (Unique Content) ผมจึงอยากจะตั้งหัวข้อว่า เว็บแรงด้วยคีย์เวิร์ดดี ซึ่งคนที่ชำนาญแล้วมักจะพูดอยู่เสมอว่า อย่าลืมนะว่า Content is King เนื้อหาคือสิ่งที่สำคัญที่สุด หากคุณต้องการให้มีผู้เข้ามาเยี่ยมเว็บต่อวันจำนวนมากๆ แต่เนื้อหาของคุณไม่ดีพอ ก็จะไม่สามารถดึงผู้คนให้อยู่อ่านสิ่งที่คุณโพสต์ลงไปได้ เพราะมันไม่ดึงดูในให้ได้เข้าไปอ่าน นอกจากนั้นแล้วคุณก็จะไม่สามารถจะหารายได้งามๆ จาก การติดโฆษณาของ Google Adsense ได้ และเรทเบาซ์ก็จะสูงไปจนเกือบ 90% ก็จะเป็นการออกไปจากเว็บหรือบล็อกของคุณเสียมากกว่า นี่เป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่บรรดาเว็บมาสเตอร์หรือบล็อกเกอรผู้ที่ต้องการจะมีรายได้ดีๆ จาก Google Adsense ต้องทำหรือใส่ใจ เพื่อให้ได้รับผลที่ดีและกินยาวๆ ต่อไปในอนาคต:
-คีย์เวิร์ดดี (Good keywords): เป็นหน้าที่ของนักบล็อกเกอร์หรือเว็บมาสเตอร์ ในที่ต้องค้นหาคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมในแต่ละคีย์เวิร์ด (หรือถ้าขี้เกียจมากนักก็ซื้อหรือจ้างคนอื่นหาเสียเลย ราคา 100 บาทถึง 1500 บาท แล้วแต่ว่าเป็นคีย์เวิร์ดทองคำหรือเปล่า?) และเมื่อคุณหาได้แล้ว ก็หยิบมาสัก 1 คีย์เวิร์ดก่อน เอาแบบที่มีการแข่งขันสูง และเลือกคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันในระดับกลาง และยำคีย์เวิร์ดเหล่านั้นเข้าด้วยกันให้สมบูรณ์สวยงาม เพื่อจะได้มีลักษณะภายในเนื้อหาที่เขียนนั้นดูดีและมีเรื่องให้เขียนเยอะ ดีกว่าการที่จะนำเข้ามาจิ้มแทรกเข้ามาเป็นที่ๆ โดยไม่เชื่อมโยงกัน ซึ่งจะทำให้มันอ่านไม่รู้เรื่องและไม่ถูกต้องการโครงสร้างทางภาษา
-มีการตัดแบ่งลำดับเนื้อหา เป็นตอนๆ : โดยทั่วไปแล้วผู้อ่านไม่ชอบ อ่านอะไรที่มากมายเต็มหน้าจอคอมพิวเตอร์พรึ่ดไปหมด แต่พวกเขาชอบอ่านเรื่องที่กระชับ และมีเนื้อหาที่มีโครงสร้างสมบูรณ์มากกว่า ซึ่งนั่นจะทำให้เขาติดตามอ่านตอนต่อๆ ไปของบทความนั้น โดยมักจะเลือกจาก headings ก่อน แล้วก็จะดู subheadings แบบคร่าวๆ จึงจะเลือกอ่านตรงที่เขาสนใจ ดังนั้น ผู้เขียนเองก็จะต้องจัดบทความเป็นแบบต่างๆ คือ headings, subheadings และ เป็นข้อๆ หากวางโครงร่างได้ดี ก็จะทำให้ง่ายในการอ่าน สำหรับผู้อ่านที่จะอ่านเรื่องต่างๆ ให้ทะลุไปตลอดเนื้อหาทั้งหมดและเก็บเอาความรู้จากข้อมูลเหล่านั้นได้เต็มที่ และมีโอกาสที่จะกลับเข้ามาอ่านอีกในอนาคต แบบนี้สิถึงจะกล่าวได้ว่า เว็บแรงด้วยคีย์เวิร์ดดี
![]() |
ภาพอย่างการทำ alt text ให้รูปภาพ |
-รูปถ่ายและภาพต่างๆ : ใช้รูปถ่ายและภาพที่เกี่ยวข้องเพื่อการเชื่อมโยงกับข้อความต่างๆ ที่คุณได้โพสต์ไป สมมติว่าคุณเขียนเพื่อสอนเรื่องเกี่ยวกับการเมคอัพ และมีการนำเอาเรื่องที่เขียนขึ้นมาในบล็อกของคุณไปแชร์กันในกลุ่มผู้อ่าน คุณก็จะสามารถเพิ่มภาพเข้าไปสักสองภาพ เพื่อเป็นการนำเสนอโพสต์ดังกล่าวให้ดูดีและพอดีกับเรื่องที่จะอ่านได้ ผู้ที่เข้ามาอ่านเรื่องของคุณ ก็จะชอบมันอย่างแน่นอน เนื่องจากการทำงานแบบนี้เป็นสิ่งที่ต้องใช้ความพยายามในการหารูปภาพและกราฟฟิคต่างๆ ที่เหมาะสมกับเนื้อหาในแต่ละบทความของคุณ จึงต้องพิถีพิถันสักหน่อย แล้วจะเห็นผลดีของมัน
จากภาพข้างบน วิธีการทำคือ คลิกขวาที่รูปภาพ แล้วเลือก Property ก็จะมีภาพนี้ขึ้นมานะครับ ช่องแรกเป็นคำอธิบายว่า ภาพนี้คือภาพอะไร ส่วน alt text นี่แหละครับ ต้องใส่ให้ได้ เช่น ใส่ "เว็บแรงด้วยคีย์เวิร์ดดี" เป็นต้น
-ลองเทลคีย์เวิร์ด หรือ Long tail keywords: คำว่า Long tail keywords นี้เราได้ยินกันบ่อยๆ ตอนเริ่มต้นของการทำเว็บนั้น ดูเหมือนไม่มีความสำคัญอะไร แต่มาเดี๋ยวนี้รู้มากขึ้น ทำให้เห็นความสำคัญของมันมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ คีย์เวิร์ด แบบนี้ควรที่จะให้ความใส่ใจมากพอสมควร เพราะมันสามารถจะนำผู้ชม เข้ามาอ่านในเว็บได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมีแนวโน้มที่จะทำการเสิร์ชหรือค้นหาข้อความที่เราเรียกกันว่า Long tail keywords และ "วลี" ในภาษาไทย เพิ่มมากยิ่งขึ้น ก็ลองคิดดูเวลาที่เราต้องการจะหาคำบางคำ ดูสิครับ เราก็จะทำการค้นหาและเลือกคำที่ใกล้กับสิ่งที่เราต้องการค้นหามากที่สุด ซึ่งจะเป็นกลุ่มคำยาวๆ หน่อย ถ้านับแบบภาษาอังกฤษก็กล่าวได้ว่า ต้องประกอบไปด้วย 3 คำขึ้นไป ซึ่งคีย์เวิร์ดนี้ จะต้องรวมอยู่ในเนื้อหาของแต่ละโพสต์ด้วย
![]() |
ตัวอย่างการทำ SEO รูปภาพ |
โดยสรุปเรื่อง เว็บแรงด้วยคีย์เวิร์ดดี
เราสามารถจะย่นเนื้อหาวันนี้ให้สั้นลงได้ว่า เว็บจะแรงได้นั้น ต้องมีคีย์เวิร์ดที่ดี พร้อมกับองค์ประกอบอื่นๆ อีกสองสามอย่างคือ เนื้อหาไม่ซ้ำของคนอื่น คีย์เวิร์ดดี เนื้อหามีวรรคตอนดี ภาพถ่ายช่วยอธิบายเรื่องราวและ มี long tail keywords ทั้งหมดนี้เป็นองค์ประกอบที่เรากล่าวกันง่ายๆ ว่าเป็นหนึ่งใน SEO onpage ที่จะทำให้บล็อกหรือเว็บของเราได้อันดับที่ดี เป็นเว็บคุณภาพในสายตาของกูเกิล นี่แหละครับผมถึงว่า เว็บแรงด้วยคีย์เวิร์ดดี ขอให้มีความสุขกับการเขียนบล็อกนะครับ
Image: http://whenplasticsurgerygonewrong.com
Image: http://whenplasticsurgerygonewrong.com